รีวิว คอนเสิร์ต มันใหญ่มาก 5 Big Mountain Music Festival 2013 ตอนที่ 2/2


ตอนที่แล้วผมได้แชร์ประสบการณ์ตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงโบนันซ่าเขาใหญ่ จนกระทั่งจบลงด้วยดาวของ Da Endorphine เสียงเพลงดังสนั่นลั่นป่าเมื่อคืน ไม่เป็นอุปสรรค์ต่อการนอนของผมเลยให้ตายสิ เคยมีคนบอกไว้ว่า "การมา Big Mountain ต้องเผื่อแรงเอาไว้สำหรับคืนที่สอง" นี่คือคติประจำใจของผม...


ผมเริ่มต้นวันนี้ด้วยการตื่นแต่เช้าไปเข้าคิวอาบน้ำเช่นเคย ห้องน้ำน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนคน จริงๆ ผมอยากให้เป็นห้องอาบน้ำรวม จะได้ประหยัดเวลามากกว่านี้ แต่ถึงกระนั้นก็มีบางคนอาบจากก๊อกน้ำ ตรงหน้าห้องน้ำนั่นแหละ สะดวกดี

การเข้าห้องน้ำที่นี่ มันเหมือนกับการแก้แค้นกันอยู่กลายๆ ทุกคนจะอาบน้ำกันนานขึ้น แบบประมาณว่า ฉันรอคนก่อน 15 นาที ฉันก็จะอาบน้ำ 20 นาที นั่นแปลว่าฉันชนะไป 5 นาที อะไรแบบนั้น แต่เอาเถอะ นานแค่ไหนก็ไม่ทรมานเท่ากับตอนน้ำหมด แต่แชมพูยังเหลืออยู่เต็มหัว ต้องนั่งรอ ให้เขาเอาน้ำมาเติมถึงได้ล้าง เฮ้อ... สนุกกันไป


วันนี้ผมได้ค้นพบความสุขอย่างหนึ่งว่า ตรงเวทีวัว มีร่มไม้ที่น่านอนที่สุด คนมาปูเสื่อนอนกันเพียบ ตรงนี้จะอยู่ใกล้ห้องน้ำ และตลาดสามย่าน เป็นทำเลที่เหมาะแก่การดำรงชีพในคอนเสิร์ตมากที่สุด ช่วงบ่ายมีน้องๆ จากซีรีส์ฮอร์โมน มาซาวด์เช็ค แฟนคลับก็มาตามกรี๊ดๆๆ การได้มาให้กำลังใจศิลปินที่ชื่นชอบ เป็นความสุขอย่างหนึ่งเหมือนกันนะครับ เป็นแฟนคลับต้องไม่กลัวร้อน ไม่กลัวหนาวครับ


ในตอนกลางวัน แม้ว่าจะไม่มีคอนเสิร์ต แต่เรายังได้ยินเสียงเพลงตลอดเวลา สายลมเย็นๆ พัดเอาความสดชื่นของผืนป่ามาให้เราได้ผ่อนคลาย รู้สึกสบายสุดๆ ไปเลยครับ รู้สึกอิจฉาคนที่ได้กางเต้นท์ในงานเสียจริง ปีหน้าผมจะจองโซนนี้ให้ทัน


จากประสบการณ์ที่ไปเบียดกับวัยรุ่นเมื่อวาน ผมกับเพื่อนตั้งใจว่าวันนี้ เราจะลงหลักปักฐานกันที่เวทีวัว Cow Stage นี่แหละ แม้จะอยากไปดู Playgroud Mild หรือคาราบาว มากแค่ไหนก็ตาม "ชีวิตคนเราก็อย่างนี้ เมื่อเดินมาถึงทางแยก เราก็ต้องเลือกอีกทาง และทิ้งอีกทางเช่นกัน"


นักร้องคนแรกของวันนี้คือ พีท พีระ เจ้าของบทเพลง ผ่านมาแค่ให้จำ ผมรู้จักเค้าแค่นั้นแหละ แต่ว่าวันนี้เวทีวัว เริ่มต้นเลท ซึ่งน่าจะเป็นหายนะ สำหรับคนที่วางแผนการดูมาแล้วล่วงหน้า เพราะนั่นหมายถึงคุณจะต้องจัดตารางการดูใหม่ ผมบอกตรงๆ เลยนะ จุดนี้ไม่น่าเลท (ขอหักคะแนน) ถัดจากพีท พีระ เป็นสิงโต นำโชค สาวๆ มากรี๊ดกันตรึม การันตีว่า คนนี้ดังจริงๆ


ว่ากันว่า "เมื่อคุณได้มา Big Mountain คุณต้องหาโอกาสไปดูคอนเสิร์ตบนชิงช้าสวรรค์สักครั้ง" วันนี้ผมไม่พลาดเช่นกัน โชคดีที่ผมมาทันวง Playground วงโปรดของผมเล่นพอดี การได้ดูคอนเสิร์ตจากบนชิงช้า ทำให้เราได้รู้สึกเหมือนเป็นนักร้องบนเวทีเลย เห็นคนดูโบกไม้ โบกมือ ส่งเสียงกรี๊ด ร้องตามเรา จุดนี้ ฟินที่สุดครับ (บัตรชิงช้าสวรรค์ 40 บาท นั่งได้นานจนกว่าจะอยากลง)


ต่อมาก็ถึงคิวของวง Mild วงที่มีเพลงฮิตเต็มยูทูป ผมเปลี่ยนบรรยากาศมาดูคอนเสิร์ตบนเรือ Pepsi ที่นี่เขาให้เฉพาะคนที่ถือกระติกน้ำ Pepsi เท่านั้นนะครับ จุดนี้ก็ฟินอีกเช่นกัน ไหนๆ ก็อุตส่าห์ได้ดูวง Mild ต้องบอกเลยว่า เขาแสดงสดได้สนุกมาก เสียดายมาอยู่ตอนหัวค่ำ เครื่องยังไม่ติด เลยไม่ได้เต้น


หลังจากไปฟินที่เวทีชิงช้าสวรรค์ เราก็เดินข้ามเนินเขากลับมาที่เวทีวัวอีกครั้ง ตอนนี้วงวัชราวลี กำลังร้องเพลงเพราะๆ สังเกตได้ว่า ระหว่างเวทีวัว กับเวทีชิงช้าสวรรค์ บรรยากาศแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง


ถัดไปก็ถึงคิวของ ตู่ ภพธร นักร้องที่เสียงดีมาก หน้าตาก็ดีมากๆ เช่นกัน วันนี้ตู่มากับเพลงใหม่ๆ ผมเลยร้องตามไม่ค่อยได้ ถัดจากตู่ ภพธร คือวง โซล อาฟเตอร์ซิกซ์ ซึ่งน่าจะเป็นวงที่แก่สุดแล้วหละบนเวทีนี้ และดูเหมือนจะมีแต่ผมกับคนอายุสามสิบอัพ ที่ร้องตามได้ ฮ่าๆ


และสาเหตุที่ทำให้บัตรคอนเสิร์ต Big Mountain ขายหมดเกลี้ยง ส่วนหนึ่งก็น่าจะเป็นเพราะซีรีส์ ฮอร์โมน วงซีสเคป ตัวจริง เสียงจริง มาร้องเพลงในซีรีส์ และเพลงฮิตๆ อีกเพียบ ได้ฟีลเหมือนกำลังอยู่หอประชุมของโรงเรียนนาดาวบางกอก เลยครับ


พอคลื่นยักษ์ฮอร์โมนผ่านไป คนดูก็หายไปเกือบครึ่ง น่าสงสารน้องกัน เดอะสตาร์มากๆ ถ้าไม่มีแฟนคลับคงเหงาแย่เลย จุดนี้ต้องขอบคุณแฟนคลับ ที่มาช่วยร้อง ช่วยกรี๊ด ช่วยเต้นหน้าเวที จากที่เคยติดตามทางทีวี ผมคิดว่าน้องกัน เค้าก็เก่งพอสมควรนะ แต่วันนี้ดูเหนื่อยๆ ไม่ค่อยเต็มที่สักเท่าไหร่


ถัดมาเป็นน้องนท เดอะสตาร์ คนนี้มา Big Mountain บ่อยที่สุดในบรรดาเดอะสตาร์ น้องเค้าครีเอทโชว์ออกมาดี สร้างสรรค์ดีครับ ให้กำลังใจ หวังว่าปีหน้าจะได้ดูน้องนทอีกครั้ง  อีกอย่างถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากให้แฟนคลับจอยกันมากกว่านี้ ไม่ว่าใครขึ้นเวที ก็อยากให้สนุกไปด้วยกันทั้งหมด แบบนั้นจะโอเคมากกว่า บรรยากาศที่เวทีวัวช่วงนี้ มันเหมือนกำลังอยู่ในรายการเดอะสตาร์ หรือเอเอฟ ยังไงก็ไม่รู้


ถ้ดจากนั้นถึงคิวของแฟนน้องแตงโมครับ พอดีหิวเลยออกไปหาอะไรทาน แน่นอนว่าเมนูฮิตของงานคือ ข้าวไข่เจียว จานละ 40 - 50 บาท ซึ่งน่าจะเป็นอะไรที่ถูกที่สุดแล้วในงานนี้ หลังจากทานจนอิ่ม ก็เดินไปเยี่ยมผับอโคจร ผับที่หยาบช้าที่สุดในปฐพี บอกตรงๆ ว่าโคตรรักน้าเน็กเลยครับ เสียดายที่มาช้า คนแน่นไปนิดเลยต้องกลับไปดูคอนเสิร์ตกันต่อ ตั้งใจว่าก่อนกลับ จะแวะมาอีกที


กลับมาทีเวทีวัวอีกครั้ง คราวนี้เข้าไปไม่ได้เลย คลื่นกามิกาเซ่เวฟ ถล่มครับ คนเยอะมาก เพลงมันๆ โชว์ต่อเนื่องที่สุด ไล่มาตั้งแต่ โฟร์มด หวาย เนโกะ จัมพ์ ใบเตย ฯลฯ โชว์กันเป็นทีม คนดูไม่หนีเลยครับ ขนาดผมดูอยู่ขอบถนน ยังสนุกได้อย่างเหลือเชื่อ


เพราะคนยังแน่นเลยเดินกลับไปที่เวทีชิงช้าสวรรค์ เจ เจตริน กำลังโชว์ จริงๆ พี่แกก็แก่แล้วนะ เพลงที่เอามาร้อง ก็เป็นเพลงเก่าตั้งแต่ผมเรียนอยู่ ม.ต้น (นั่นมันก็หลายปีมาแล้ว เช่น เพลง ร.ฟ.ร. all i wanna do เจ็บไปเจ็บมา ฯลฯ) ตรงที่ผมดูอยู่ไกลสุดเลยครับ แต่จุดนี้ผมก็ได้กระทบไหล่ดาราหลายคนเลยนะ ดูคอนเสิร์ตไป ก็หันมาดูแกงค์ดาราไป สนุกดีครับ อยากจะขอถ่ายรูป แต่ก็เกรงใจเขา เขาก็คงอยากมาดูคอนเสิร์ตสนุกๆ เหมือนกัน


กลับมาที่เวทีวัวอีกครั้ง ถึงคิวของป๊อบ ปองคุณ และอ๊อฟ ปองศักดิ์ จุดนี้ไม่ขออธิบายใดๆ ลองไปหาคลิปในยูทูปดูเอาเองนะครับ บอกได้คำเดียวว่าฟินเวอร์


หลังจากเต้นกับอ๊อฟจนหมดแรง ผมก็มานั่งพักตรงตลาดสามย่านเช่นเคย ตรงนี้จะมองเห็นเวทีชิงช้าสวรรค์อยู่ไกลๆ ครับ คนเยอะมากถึงมากที่สุดครับ ทุกคนร้องเพลงเดียวกัน เต้นไปพร้อมๆ กัน มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่จริงๆ


จากนั้นผมกับเพื่อนก็เดินหาที่นั่งชมคอนเสิร์ตปิดท้ายของงานนี้ ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากวง Paradox ความยิ่งใหญ่ของวง Paradox เป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้จริงๆ ต้องมาสัมผัสเองแล้วจะรู้ จุดที่ผมนั่ง ถือเป็นจุดที่ดูคอนเสิร์ตได้สวยที่สุดจุดหนึ่ง เพราะมันตั้งอยู่บนเนินเขา มองลงไปเห็นคนตัวเล็กนิดเดียว ผมสั่งบะหมี่กับเฉาก๊วยมากิน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดเลยครับ

(ลบภาพนี้ครับ)

เสียงเพลงสุดท้ายดังขึ้น พลุนับร้อยๆ นัดก็ถูกจุดขึ้นมา มันเป็นฉากจบของมหกรรมคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด สวยงามน่าประทับใจมากๆ ครับ

จากนั้นเราพากันเดินออกมาจากงานพร้อมกับคนเป็นหมื่นๆ คน ทุกคนร้องเต้นไปตลอดทางอย่างมีความสุขครับ ขากลับผมแวะไปดูซอยสอง ผับอโคจร เวทีกระติบข้าว เวทีกระทิงแดง หลายคนเต้นหลุดโลกมันมากๆ ก่อนจะไปจบลงที่เวทีห่าน ที่ส่งพวกเราด้วย BOOM BOOM CASH สนุกสุดเหวี่ยงจนแทบไม่อยากให้เช้าเลยทีเดียว

สำหรับท่านมาจากรุงเทพฯ มีรถทัวร์มารอรับถึงหน้างานครับ สะดวกมากๆ (น่าจะต้องจองตั๋วไว้แล้วล่วงหน้า ส่งถึงหมอชิต ไปเข้างานตอนเช้าได้เลย) ส่วนใครที่ยังมีเวลาเดินทางอีก 1 วันแบบผม ก็นอนพักในเต้นท์อีก 1 คืน สายๆ ค่อยเดินทางกลับ ฝุ่นและขยะหลังเลิกงานเยอะมาก แต่ก็ธรรมดาอยู่แล้วสำหรับประเทศไทย ผมไม่เครียดครับ

ถ้าจะให้คะแนนกับคอนเสิร์ตครั้งนี้ ผมให้ 9/10 คะแนน เหลือไว้ 1 คะแนนให้ผู้จัดงานนำกลับไปพัฒนาให้ดีขึ้นอีกในปีต่อไป I Love You Big Mountain



ปล.
1. สำหรับเพื่อนๆ หลายคนที่บอกว่าเราแก่เกินไปสำหรับคอนเสิร์ตนี้ มันก็จริงอย่างที่พวกนายว่า แต่คำว่าวัยรุ่นหนะ มันอยู่ที่ใจ ไม่ใช่อายุนะครับ ฮ่าๆ
2. เรื่องวัยรุ่นเมาเหล้า ก็มีให้เห็นนะ แค่บางกลุ่มเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เมากันทั้งคอนเสิร์ต ส่วนใหญ่เชื่อว่ามาดูคอนเสิร์ตกันมากกว่าจะมาเมาไม่รู้เรื่อง
3. เรื่องมั่วเซ็กซ์ในคอนเสิร์ต ผมก็ไม่เห็นนะ อย่างมากก็นั่งกอดกัน หอมกันทำนองนั้น แต่ดูดปากกัน หรือซั่มกัน ไม่เห็นครับ เขาอาจจะไปทำกันที่อื่น
4. เรื่องตีกัน ทะเลาะวิวาท อันนี้ก็ไม่เห็นนะครับ อาจจะมีกระทบกระทั่ง แต่ก็ไม่เห็นมีตีกันเหมือนตามงานกาชาด สำหรับผมตรงไหนที่คนดูไม่มีมารยาท ก็จะเลี่ยงๆ เอาครับ พื้นที่กว้าง ไม่จำเป็นต้องไปเหยียบตีนใครหรอกครับ
5. เห็นพ่อแม่หลายคนพาลูกหลานมาดู ก็โอเคนะครับ ถ้าเด็กเล็กๆ ม.ต้น ก็น่าจะมีพ่อแม่มาด้วย

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รีวิว รถนอน (รถไฟนอน) ปรับอากาศ ชั้น 2 อุดรธานี-กรุงเทพ

รีวิว คอนเสิร์ต มันใหญ่มาก 5 Big Mountain Music Festival 2013 ตอนที่ 1/2